วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
Science Experiences Management for Early Childhood
Science Experiences Management for Early Childhood
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์จินตนา สุขสำราญ
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557
เวลาเรียน 08.30 - 12.20 น.
เวลาเข้าเรียน 08.30 น.
เวลาเข้าสอน 08.30 น. เวลาเลิกเรียน 12.20 น.
เวลาเข้าสอน 08.30 น. เวลาเลิกเรียน 12.20 น.
กิจกรรมในวันนี้
วันนี้อาจารย์พูดถึงเกี่ยวกับในเรื่องของบล็อกว่าต้องปฎิบัติอย่างไรและให้
ความรู้เกี่ยวกับวิธีการเรียนรู้ของเด็กโดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 วิธีการเรียนรู้
คือวิธีการที่เด็กเปลี่ยนแปลงการกระทำ พัฒนาการ คือ การบอกถึงความสามารถ
ของเด็กในแต่ละช่วงอายุรวมทั้งคุณลักษณะของเด็กด้วย
กิจกรรมภายในห้องเรียน
1. กระดาษ < paper >
2. ไม้ < stick >
3. กรรไกร < scissore>
4. กาว < giue >
5. ดินสอ < pencil >
6. สี < color >
วิธีการทำ
1. ตัดกระดาษที่อาจารย์แจกให้แบ่งเป็น 2 ส่วน
3. วาดเป็นรูปของ 2 สิ่งที่สัมพันธ์กัน
4. ให้ระบายสีให้สวยงาม
5. จากนั้นนำไม้มาติดไว้ตรงกลางของกระดาษฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
6. นำกระดาษที่ติดไม้เสร็จแล้วมาพับเข้าหากันและทากาวให้เรียบร้อย
กิจกรรมภายในห้องเรียน
1. กระดาษ < paper >
2. ไม้ < stick >
3. กรรไกร < scissore>
4. กาว < giue >
5. ดินสอ < pencil >
6. สี < color >
วิธีการทำ
1. ตัดกระดาษที่อาจารย์แจกให้แบ่งเป็น 2 ส่วน
กิจกรรมภายในห้องเรียน |
กิจกรรมภายในห้องเรียน |
จะได้รูปแบบนี้
กิจกรรมภายในห้องเรียน |
2. จากนั้นนำเศษกระดาษที่เหลือจากการตัดมาพับประกบเข้าหากัน
3. วาดเป็นรูปของ 2 สิ่งที่สัมพันธ์กัน
กิจกรรมภายในห้องเรียน |
4. ให้ระบายสีให้สวยงาม
5. จากนั้นนำไม้มาติดไว้ตรงกลางของกระดาษฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
6. นำกระดาษที่ติดไม้เสร็จแล้วมาพับเข้าหากันและทากาวให้เรียบร้อย
กิจกรรมถายในห้องเรียน |
บทความทางวิทยาศาสตร์
บทความที่ 1 เรื่องสอนลูกเรื่องพืช
พืชเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเด็กเป็นสาระการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมพัฒนาการ
ทั้ง 4 ด้านได้
ด้านร่างกาย
- การได้เคลื่อนไหวตามต้นไม้ที่โอนเอน พัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น
แขน ขา การทรงตัว
ด้านอารมณ์
- ให้เด็กได้รู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ ความรู้สึก ได้เห็นดอกไม้ที่โอนเอน
อ่อนไหวไปมา
ด้านสังคม
- เด็กได้เรียนรู้เรื่องเรื่องผักได้ประกอบอาหารกับเพื่อน ๆ เรียนรู้การมีปฏิสัมพันธ์
กับเพื่อนร่วมห้อง
ด้านสติปัญญา
- ได้จัดกิจกรรมให้เด็กได้ปลูกต้นไม้ได้วัดส่วนสูงของพืชแต่ละชนิด ได้นับจำนวน
ของดอกไม้ ได้จำแนกพืช ครูส่งเสริมเด็กจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเรียง
ลำดับผักส่งเสริมทางด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ประเด็นทางวิทยาศาสตร์
ในด้านสติปัญญามีการแก้ปัญหาในการวัดระยะของต้นไม้
บทความที่ 2 เรื่องเรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านนิทาน
การสร้างเจตคติที่ดีให้กับเด็ฏโดยผ่านการเรียนรู้ต่าง ๆ การใช้นิทานมาเป็น
สื่อช่วยสอนทางวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ ได้รู้จักเชื่อมโยงนิทานกับ
วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เทคนิคในการเลือกควรเลือกที่เขาชอบ ควรมีสีสัน
เนื้อหาไม่ยาว มีการใช้โทนเสียงต่าง ๆ เพื่อให้เด็กได้เห็นถึงอารมณ์ต่าง ๆ นิทาน
ช่วยให้เด็กเห็นภาพในเรื่องราวต่าง ๆ ได้ง่าย นิทานเป็นสื่อที่เด็กชอบเพราะเป็น
เรื่องราวขึ้นอยู่กับผู้ที่นำเสนอมีตัวละครใกล้ตัวสั้น ๆ ง่าย ๆ ทำให้มีการใช้นิทาน
เป็นสื่อในการบูรณาการความรู้เข้าไป เพลงนั้นต้องมีจังหวะ ทำนอง ใช้เนื้อหาให้
เข้ากับจังหวะ ทำนอง แต่นิทานสามารถใส่เนื้อหาได้เลยไม่ต้องมีจังหวะทำให้เป็น
เรื่องง่ายในการสอน
บทความที่ 3 เรื่องแนวทางการเติมวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กอนุบาล
เด็กจะคอยซักถาม อยากรู้อยากเห็นในเรื่องต่าง ๆ รอบตัวแต่ผู้ใหญ่ไม่ค่อย
ให้ความสนใจทำให้เด็กไม่มีการพํมนาทางด้านความคิดสร้างสรรค์ แนวทางการสอน
คือ สิ่งสำคัญความแม่นยำของครูจะทำให้เด็กมีพัฒนาการและการลงมือปฏิบัติจริง
จะทำให้เด็กได้ประสบการณ์ ครูต้องบูรณาการวิทยาศาสตร์เข้าไปในการเรียนการสอน
ให้เด็กได้เรียนรู้เป็นองค์รวม เรียนรู้จากธรรมชาติรอบตัวเด็ก ถ้าครูไม่มีความรู้อย่า
ตอบคำถามเพื่อปิดกั้นความคิดของเด็กแต่ควรหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน
แนวทางการปฏิบัติในการสืบเสาะความรู้เด็ก
1. ตั้งคำถาม
2. หาคำตอบโดยครูให้ความสะดวก
3. ดูถึงผลของคำตอบว่าถูกไหมและเสริมเติมความรู้เพิ่ม
4. นำเสนอถึงผล
5. นำสิ่งที่นำเสนอนั้นไปเชื่อมโยงกับหลักวิทยาศาสตร์
บทความที่ 4 เรื่องการทดลองวิทยาศาสตร์สนุก ๆ สำหรับคุณหนู ๆ
วิทยาศาสตร์จะกระตุ้นความรู้ของเด็ก การทดลองจะส่งเสริมความคิดของเด็ก
การพาเด็กไปในที่ที่สามารถช่วยให้เด็กได้รับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นการเปิด
โลกทัศน์ให้กับเด็กได้เช่นกัน และยังสามารถทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่
สามารถทำได้ที่บ้านด้วย การพาเด็กออกไปเปิดโลกจะช่วยทำให้เด็กเกิดความสนใจ
และตื่นเต้นกับประสบการณ์ใหม่ ๆ
หลังจากทำกจกรรมภายในห้องเรียนเสร็จแล้วอาจารย์ก็ได้ให้แต่ละกลุ่มนำงาน
ที่ได้รับมอบหมายเป็นงานกลุ่มที่ให้กลับไปทำตั้งแต่คาบเรียนที่แล้วออกมาติดหน้า
ห้องเพื่อให้เพื่อน ๆ ในห้องได้เห็นถึงผลงานของแต่ละกลุ่ม ซึ่งกลุ่มของดิฉันได้
นำเสนอในเรื่องของน้ำ
การนำไปประยุกต์
พืชเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเด็กเป็นสาระการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมพัฒนาการ
ทั้ง 4 ด้านได้
ด้านร่างกาย
- การได้เคลื่อนไหวตามต้นไม้ที่โอนเอน พัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น
แขน ขา การทรงตัว
ด้านอารมณ์
- ให้เด็กได้รู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ ความรู้สึก ได้เห็นดอกไม้ที่โอนเอน
อ่อนไหวไปมา
ด้านสังคม
- เด็กได้เรียนรู้เรื่องเรื่องผักได้ประกอบอาหารกับเพื่อน ๆ เรียนรู้การมีปฏิสัมพันธ์
กับเพื่อนร่วมห้อง
ด้านสติปัญญา
- ได้จัดกิจกรรมให้เด็กได้ปลูกต้นไม้ได้วัดส่วนสูงของพืชแต่ละชนิด ได้นับจำนวน
ของดอกไม้ ได้จำแนกพืช ครูส่งเสริมเด็กจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเรียง
ลำดับผักส่งเสริมทางด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ประเด็นทางวิทยาศาสตร์
ในด้านสติปัญญามีการแก้ปัญหาในการวัดระยะของต้นไม้
บทความที่ 2 เรื่องเรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านนิทาน
การสร้างเจตคติที่ดีให้กับเด็ฏโดยผ่านการเรียนรู้ต่าง ๆ การใช้นิทานมาเป็น
สื่อช่วยสอนทางวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ ได้รู้จักเชื่อมโยงนิทานกับ
วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เทคนิคในการเลือกควรเลือกที่เขาชอบ ควรมีสีสัน
เนื้อหาไม่ยาว มีการใช้โทนเสียงต่าง ๆ เพื่อให้เด็กได้เห็นถึงอารมณ์ต่าง ๆ นิทาน
ช่วยให้เด็กเห็นภาพในเรื่องราวต่าง ๆ ได้ง่าย นิทานเป็นสื่อที่เด็กชอบเพราะเป็น
เรื่องราวขึ้นอยู่กับผู้ที่นำเสนอมีตัวละครใกล้ตัวสั้น ๆ ง่าย ๆ ทำให้มีการใช้นิทาน
เป็นสื่อในการบูรณาการความรู้เข้าไป เพลงนั้นต้องมีจังหวะ ทำนอง ใช้เนื้อหาให้
เข้ากับจังหวะ ทำนอง แต่นิทานสามารถใส่เนื้อหาได้เลยไม่ต้องมีจังหวะทำให้เป็น
เรื่องง่ายในการสอน
บทความที่ 3 เรื่องแนวทางการเติมวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กอนุบาล
เด็กจะคอยซักถาม อยากรู้อยากเห็นในเรื่องต่าง ๆ รอบตัวแต่ผู้ใหญ่ไม่ค่อย
ให้ความสนใจทำให้เด็กไม่มีการพํมนาทางด้านความคิดสร้างสรรค์ แนวทางการสอน
คือ สิ่งสำคัญความแม่นยำของครูจะทำให้เด็กมีพัฒนาการและการลงมือปฏิบัติจริง
จะทำให้เด็กได้ประสบการณ์ ครูต้องบูรณาการวิทยาศาสตร์เข้าไปในการเรียนการสอน
ให้เด็กได้เรียนรู้เป็นองค์รวม เรียนรู้จากธรรมชาติรอบตัวเด็ก ถ้าครูไม่มีความรู้อย่า
ตอบคำถามเพื่อปิดกั้นความคิดของเด็กแต่ควรหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน
แนวทางการปฏิบัติในการสืบเสาะความรู้เด็ก
1. ตั้งคำถาม
2. หาคำตอบโดยครูให้ความสะดวก
3. ดูถึงผลของคำตอบว่าถูกไหมและเสริมเติมความรู้เพิ่ม
4. นำเสนอถึงผล
5. นำสิ่งที่นำเสนอนั้นไปเชื่อมโยงกับหลักวิทยาศาสตร์
บทความที่ 4 เรื่องการทดลองวิทยาศาสตร์สนุก ๆ สำหรับคุณหนู ๆ
วิทยาศาสตร์จะกระตุ้นความรู้ของเด็ก การทดลองจะส่งเสริมความคิดของเด็ก
การพาเด็กไปในที่ที่สามารถช่วยให้เด็กได้รับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นการเปิด
โลกทัศน์ให้กับเด็กได้เช่นกัน และยังสามารถทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่
สามารถทำได้ที่บ้านด้วย การพาเด็กออกไปเปิดโลกจะช่วยทำให้เด็กเกิดความสนใจ
และตื่นเต้นกับประสบการณ์ใหม่ ๆ
หลังจากทำกจกรรมภายในห้องเรียนเสร็จแล้วอาจารย์ก็ได้ให้แต่ละกลุ่มนำงาน
ที่ได้รับมอบหมายเป็นงานกลุ่มที่ให้กลับไปทำตั้งแต่คาบเรียนที่แล้วออกมาติดหน้า
ห้องเพื่อให้เพื่อน ๆ ในห้องได้เห็นถึงผลงานของแต่ละกลุ่ม ซึ่งกลุ่มของดิฉันได้
นำเสนอในเรื่องของน้ำ
Mind Map |
การนำไปประยุกต์
- สามารถนำงานประดิษฐ์ที่อาจารย์ได้สอนในห้องไปต่อยอดและนำมาจัดกิจกรรม
ให้กับเด็กได้ฝึกในเรื่องของการคิดสร้างสรรค์และพัฒนาความคิดของตนเอง
ประเมินตนเอง
- วันนี้ตั้งใจเรียนและตั้งใจทำกิจกรรมที่อาจารย์มอบหมายให้เป็นอย่างดี
แต่งกายถูกต้องตามระเบียบของมหาวิทยาลัย
ประเมินเพื่อน
- วันนี้เพื่อน ๆ ดูตั้งใจเรียนและตั้งใจประดิษฐ์ของเล่นของตนเองเพื่อให้ออกมา
สวยงามและตรงตามที่ตั้งใจไว้
ประเมินอาจารย์
- วันนี้อาจารย์แต่งกายได้น่ามอง สะอาดและดูดี รวมทั้งอาจารย์ยังได้มีการ
สอดแทรกสิ่งประดิษฐ์มาให้ได้ร่วมกันทำภายในห้องเรียนถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ดี
ง่าย และสามารถนำมาใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้จริง ๆ และยังทำให้นักศึกษาได้
ผ่อนคลายอารมณ์จากการประดิษฐ์ชิ้นงานอีกด้วย นอกจากนี้อาจารย์ยังได้มีการ
แนะนำการทำ Mind Map ของแต่ละกลุ่มให้ฟังทำให้ได้เห็นถึงข้อบกพร่องของ
ชิ้นงานและนำคำแนะนำนี้ไปปรับปรุงผลงานให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
ค้นคว้าเพิ่มเติม
ดิวอี้มีปรัชญาที่สะท้อนออกมาเด่นชัดในเรื่องของการศึกษาที่ยกย่อง
ประสบการณ์สำหรับผู้เรียนเน้นให้ผู้เรียนมีการเรียนรู้สถานการณ์ที่เป็นจริง เพราะ
การศึกษาตามความคิดของจอห์น ดิวอี้ คือ ความเจริญงอกงามทั้งทางด้าน
ร่างกาย สติปัญญา และคุณธรรม ดังนั้นกระบวนการสร้างสรรค์ประสบการณ์
ใหม่ที่ต่อเนื่องกับประสบการณ์เก่าเรื่อยไปต้องส่งเสริมให้เกิดประสบการณ์ใหม่
เพื่อนำไปสู่ความรู้ความเข้าใจในปัจจุบันและอนาคตได้
ผลจากการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีประสบการณ์ของจอห์น ดิวอี้ ดังนี้
1. ผู้เรียนมีความสุขกับการเรียนได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานโดยผ่านกิจกรรมที่
หลากหลายและสื่อที่เร้าความสนใจ
2. ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความสนใจ ตามความถนัดและตามศักยภาพด้วยการ
ศึกษาค้นคว้า ฝึกปฏิบัติ ฝึกทักษะจนถึงการเรียนรู้ด้วยตนเองทำให้เกิดความ
เชื่อมั่นเป็นแรงจูงใจเหตุให้เกิดการใฝ่รู้ใฝ่เรียน
3. กิจกรรมกลุ่มช่วยเสริมสร้างลักษณะนิสัยที่พึงประสงค์เกิดกระบวนการ
ทำงาน เช่น มีการวางแผนการทำงาน มีความรับผิดชอบเสียสละเอื้อเฟื้อ
เผื่อแผ่ มีวินัยในตนเอง มีฟฤติกรรมที่เป็นประชาธิปไตยเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี
รู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
4. ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดจาการร่วมกิจกรรมและการค้นหาคำตอบจาก
ประเด็นคำถามของผู้สอนสามารถค้นหาคำตอบและวิธีการได้ด้วยตนเอง
สามารถแสดงออกได้อย่างชัดเจนและมีเหตุผล
5. ทุกขั้นตอนจาการทำกิจกรรมจะสอดแทรกคุณธรรมและจริยธรรมเพื่อ
ให้ผู้เรียนได้ซึมซับสิ่งที่ดีงามไว้
6. คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเรียนรู้และการปฏิบัติงานโดย
ให้แต่ละคนเรียนรู้เต็มตามศักยภาพของตนไม่นำผลงานของผู้เรียนมา
เปรียบเทียบกัน
ผลจากการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีประสบการณ์ของจอห์น ดิวอี้ ดังนี้
1. ผู้เรียนมีความสุขกับการเรียนได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานโดยผ่านกิจกรรมที่
หลากหลายและสื่อที่เร้าความสนใจ
2. ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความสนใจ ตามความถนัดและตามศักยภาพด้วยการ
ศึกษาค้นคว้า ฝึกปฏิบัติ ฝึกทักษะจนถึงการเรียนรู้ด้วยตนเองทำให้เกิดความ
เชื่อมั่นเป็นแรงจูงใจเหตุให้เกิดการใฝ่รู้ใฝ่เรียน
3. กิจกรรมกลุ่มช่วยเสริมสร้างลักษณะนิสัยที่พึงประสงค์เกิดกระบวนการ
ทำงาน เช่น มีการวางแผนการทำงาน มีความรับผิดชอบเสียสละเอื้อเฟื้อ
เผื่อแผ่ มีวินัยในตนเอง มีฟฤติกรรมที่เป็นประชาธิปไตยเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี
รู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
4. ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดจาการร่วมกิจกรรมและการค้นหาคำตอบจาก
ประเด็นคำถามของผู้สอนสามารถค้นหาคำตอบและวิธีการได้ด้วยตนเอง
สามารถแสดงออกได้อย่างชัดเจนและมีเหตุผล
5. ทุกขั้นตอนจาการทำกิจกรรมจะสอดแทรกคุณธรรมและจริยธรรมเพื่อ
ให้ผู้เรียนได้ซึมซับสิ่งที่ดีงามไว้
6. คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเรียนรู้และการปฏิบัติงานโดย
ให้แต่ละคนเรียนรู้เต็มตามศักยภาพของตนไม่นำผลงานของผู้เรียนมา
เปรียบเทียบกัน
บิดาแห่งปฐมวัย
เฟรอเบล นักการศึกษาชาวเยอรมันและผู้นำการศึกษาอนุบาล ผู้ได้รับ
ขนานามว่าเป็น "บิดาการศึกษาอนุบาล" เเฟรอเบลเชื่อว่าเด็กมีความสามารถ
สำหรับสิ่งดีงามและความรู้มาตั้งแต่เกิดการเรียรที่ดีต้องให้เด็กมีประสบการณ์ที่เด็ก
สามารถได้เล่นได้แสดงออกได้สืบเสาะค้นคว้าประสบการณ์ที่จัดให้เด็กนั้นต้อง
สะท้อนระดับพัฒนาการ ความสนใจการเรียนรู้ด้วยการลงมือกระทำอย่างเข้าใจของ
เด็กอย่างชัดเจน เด็กควรได้นับประสบการณ์การเรียนรู้ทั้งในและนอกชั้นเรียน โดย
เฉพาะการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ดีสำหรับเด็ก คือ การเล่น
เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว
จอห์ ล็อก ( John Lock ) ถือเป็นผู้ก่อตั้งปรัชญาสมัยใหม่ ทั้งนี้เนื่องจาก
ทฤษฏีทางการศึกษาของเขามีรากฐานอยู่บนวิธีการทางวิทยาศาสตร์ การ
ศึกษาจิตใจและการเรียนรู้ ล็อคมีความเชื่อว่า เด็กเปรียบเสมือนกับผ้าขาวสะอาด
( clean slate ) เด็กจะเติบโตมาเป็นบุคคลเช่นใดนั้นขึ้นอยู่กับปรสบการณ์ที่ได้รับ
จากพ่อแม่ สังคม การศึกษาและโลกรอบตัว ล็อคเป็นนักการศึกษาชาวยุโรปใน
ยุคแรกที่กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็ก
ยุคแรกที่กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็ก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น